นูทริ โฟลิค
กรดโฟลิค หรือ วิตมินบี 9 มีส่วนช่วยในกระบวนการการเผาผลาญโปรตีน มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง และมีความจำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ เนื่องจากช่วยในการสร้างกรดนิวคลีอิกใน DNA และ RNA อีกทั้งช่วยป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์ ส่วนในคนทั่วไปจะช่วยให้เจริญอาหาร แก้อ่อนเพลีย
#ประโยชน์ของ กรดโฟลิค
- มีส่วนสำคัญต่อกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโลหิตจาง
- จำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์
- ผู้ป่วยธาลัสซีเมีย
- ป้องกันโรคเหน็บชา
- บำรุงประสาท
- ลดอาการอ่อนเพลีย
- ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
- ป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์
- บำรุงสุขภาพ
- สังเคราะห์และซ่อมแซมสารพันธุกรรม DNA
#วิตามินบี 1 หรือ ไทอามีน
ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ลดความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ช่วยบำรุงระบบประสาทและช่วยให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ
#วิตามินบี 6 หรือ โพริดอกซอน
ทำหน้าที่ในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และช่วยเสริมสร้างกรดนิวคลีอิคใน RNA และ DNA จึงมีประโยชน์ต่อการแบ่งตัวของเซลล์
#วิตามินบี 12 หรือ โคบาลินบิน
ทำงานร่วมกับกรดโฟลิค จะช่วยในการเสริมสร้างเม็ดเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง มีความสำคัญต่อระบบประสาทและสมอง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
#วิตามินซี
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ประสิทธิภาพสูง มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย ช่วยต่อต้านการก่อมะเร็ง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ
นูทริ โฟลิค กิฟฟารีน
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล (450 มิลลิกรัม):
- วิตามินซี 60 มก.
- วิตามินบี 6 2 มก.
- วิตามินบี 12 0.1% 2 มก. (ให้วิตามินบี 12 2 มคก.)
- วิตามินบี 1 1.5 มก.
- กรดโฟลิค 0.2 มก.
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
รหัสสินค้า 82036
ปริมาณสุทธิ : 60 แคปซูล
สามารถจดรหัสนี้ 111066933 ไปซื้อได้ที่สาขาใกล้บ้าน ลด25% ทั่วประเทศ
!สั่งซื้อออนไลน์ได้แล้ววันนี้
!ส่งถึงหน้าบ้าน !มีเก็บปลายทาง
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อรับส่วนลด
Tel.0835604800
Line : shareyonsk
กิฟฟารีนได้นำมาผลิตภายใต้มาตรฐาน GMP ผ่านการตรวจวิเคราะห์แล้วว่าปลอดเชื้อโรคปลอดสารพิษปลอดโลหะหนักจึง ปลอดภัย100%
โฟลิคเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อผลิต DNA RNA และกระบวนการสร้างและย่อยสลายกรดอะมิโนซึ่งจำเป็นต่อการแบ่งเซลล์[10] เนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถสร้างกรดโฟลิก ดังนั้นจำต้องได้จากอาหาร
การไม่ได้โฟเลตเพียงพอก็จะทำให้เกิดภาวะขาดโฟเลต ซึ่งอาจมีผลเป็นภาวะเลือดจางที่มีเม็ดเลือดขนาดใหญ่ (megaloblastic) เป็นจำนวนน้อย อาการอาจรวมความล้า หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่ทัน แผลบนลิ้นไม่หาย สีผิวหรือผมเปลี่ยน การขาดในช่วงตั้งครรภ์เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นเหตุของภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (NTDs) ในทารกเกินครึ่ง[10] การขาดในเด็กอาจเกิดภายในเดือนเดียวที่ทานอาหารไม่ดี[12] ในผู้ใหญ่ระดับโฟเลตทั้งหมดในร่างกายอยู่ที่ระหว่าง 10,000-30,000 ไมโครกรัม (µg) โดยมีระดับในเลือดเกิน 7 nmol/L (3 ng/mL)[10]
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การขาดโฟเลตและภาวะเลือดจางเป็นโรคเดียวกัน[73] ในปี คศ. 1931 นักวิจัย พญ. ลูซี่ วิลส์ ได้ทำข้อสังเกตสำคัญที่นำไปสู่การระบุโฟเลตว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็นเพื่อป้องกันภาวะเลือดจางในช่วงตั้งครรภ์ คือหมอได้แสดงว่า ภาวะโลหิตจางสามารถรักษาได้ด้วยยีสต์ที่ใช้ผสมเหล้า ต่อมาในปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 จึงระบุโฟเลตได้ว่าเป็นสารที่มีฤทธิ์รักษาในยีสต์ แล้วต่อมาสกัดจากผักโขมฝรั่งได้ในปี 1941[74] ในปี 1943 จึงสามารถสกัดในรูปแบบผลึก แล้วระบุโครงสร้างทางเคมีของมันได้[75][76]
งานวิจัยนี้ต่อมานำไปสู่การสังเคราะห์ยาต้านโฟเลต คือ aminopterin ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็งแรก โดยได้หลักฐานของประสิทธิผลยาโดยปี 1948 (ทำโดย Sidney Farber) ต่อมาในคริสต์ทศวรรษ 1950 และ 1960 นักวิทยาศาสตร์จึงได้ค้นพบกลไกทางเคมี-ชีวภาพของโฟเลต[73] ในปี 1960 ผู้เชี่ยวชาญสัมพันธ์การขาดโฟเลตกับปัญหาหลอดประสาทไม่ปิด (NTDs) ในทารกในครรภ์เป็นครั้งแรก[73] และโดยปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 นักวิทยาศาสตร์สหรัฐจึงเริ่มเข้าใจว่า แม้ว่าจะมีโฟเลตในอาหารและยาเสริม แต่ประชาชนก็ยังมีปัญหาได้โฟเลตตามที่จำเป็น สหรัฐอเมริกาจึงเริ่มโปรแกรมเสริมโฟเลตในอาหาร
You must be logged in to post a comment.